เวลาเราจะออกไปไหนมาไหน หากกรณีนั้นไม่ใช่เรื่องงาน แต่เป็นการออกไปกินข้าวนอกบ้าน ไปเที่ยว หรือไปพักผ่อน แน่นอนว่าถ้าไม่ไปคนเดียว เราก็คงจะเลือกไปกับคนในครอบครัว เพื่อน หรือไม่ก็คนที่เราค่อนข้างจะสนิทและไว้วางใจ ส่วนหนึ่งก็คือความสนุกสนานครึกครื้น แต่อีกส่วนก็คือ จะได้คอยดูแลซึ่งกันและกันไปในตัว
แต่สำหรับคนตาบอดแล้ว สาเหตุที่ชอบไปกับคนที่ตัวเองสนิทก็เพราะ เวลาจำเป็นที่จะต้องขอความช่วยเหลือในกิจกรรมบางอย่าง คนตาบอดจะได้ขอความช่วยเหลือได้โดยไม่อึดอัด ทั้งนี้ไม่ใช่ว่าเพราะคำว่า ‘สนิท’ เลยไม่เกรงใจ แต่เป็นเพราะคนตาบอดรู้ดีว่า จะตอบแทนคนที่คอยช่วยเหลือได้ยังไง หรือไม่จำเป็นต้องตอบแทนอะไร เพราะเขาเองก็เคยช่วยเหลือคนคนนั้นไปแล้วในเรื่องอื่น
รวมถึงคนที่ช่วยเหลือคนตาบอดเองก็จะไม่รู้สึกรำคาน เบื่อ หรืออึดอัดในการช่วยเหลือคนตาบอด และไม่มองว่าคนตาบอดเป็นภาระ เพราะก็รู้ดีอยู่ว่า แม้คนตาบอดจะให้เขาช่วยเหลือในกิจกรรมบางกิจกรรม แต่ก็มีบางอย่างที่คนตาบอดช่วยเขาได้ ซึ่งมันก็จะเป็นในลักษณะต่างคนต่างพึ่งพาอาศัยกัน ไม่ใช่ว่าคนตาดีต้องช่วย และคนตาบอดต้องเป็นฝ่ายรับบริการเพียงอย่างเดียว
ยกตัวอย่างก็เช่น สมมุติว่าคนตาบอดและคนตาดีไปกินหมูกระทะด้วยกัน แน่นอนว่าคนที่ย่างจะต้องเป็นคนตาดี ส่วนคนตาบอดรอรับบริการ แต่หากเป็นคนที่สนิทกัน คนตาดีจะไม่มองว่าคนตาบอดเป็นภาระ แต่จะมองว่าย่างให้เพื่อน ให้คนในครอบครัวกิน ในฝ่ายของคนตาบอด ในเมื่อช่วยเขาย่างไม่ได้ ก็จำเป็นต้องชดเชยทางด้านอื่น เช่นออกเงินค่าเครื่องดื่ม หรือออกเพิ่มบางส่วน หรือไม่ก็ทำงานช่วยทางด้านอื่นที่ไม่ใช่การย่างเนื้อ เช่นพวกงานภายในบ้าน (ถ้าเป็นคนในครอบครัว) หรือช่วยเหลือด้านอื่นๆ ตามโอกาส (ถ้าเป็นเพื่อน หรือคนรู้จัก)
กลุ่มคนเหล่านี้เขาจะรู้ดีว่า แม้ว่าคนตาบอดจะช่วยย่างเนื้อไม่ได้ แต่ยังช่วยเหลืออย่างอื่นได้ ดังนั้นด้วยความสนิท ด้วยความที่คอยช่วยเหลือกันมาตลอด เขาเลยไม่มองว่านี่มันคือภาระ
แต่ถ้าไปกับคนที่ไม่คุ้นเคย หรือไม่ค่อยสนิท แม้ว่าจะมีการช่วยเหลือคนตาบอดก็จริง แต่โดยส่วนใหญ่ คนกลุ่มนั้นเขาจะมองในลักษณะที่ว่าช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส หรือช่วยเพราะจำเป็นต้องช่วย แต่ไม่ได้คิดว่าคนตาบอดจะช่วยอะไรเขาได้ไหม และบางคนอาจจะถึงขั้นคิดไปว่า คนตาบอดเป็นภาระ ทำได้แค่เป็นฝ่ายรับบริการแค่อย่างเดียวเลยก็เป็นได้
ถ้าเป็นในลักษณะแบบนั้น หากคนที่คอยช่วยไม่มีคำพูด หรือไม่มีการแสดงออกใดๆ ที่ทำให้คนตาบอดรับรู้ได้ว่า เขาเต็มใจช่วยหรือไม่ คนตาบอดก็จะเกรงใจ และไม่ค่อยร้องขออะไร โดยจะรอรับเท่าที่คนช่วยจะพออำนวยให้ได้ แต่หากกลุ่มคนที่ช่วยเหลือมีอาการแสดงออกว่าไม่เต็มใจช่วย หรือมีอาการเกี่ยงกันดูแล คนตาบอดจะรู้สึกอึดอัดเอามากๆ และอาจจะหมดอารมณ์ทำกิจกรรมดังกล่าวไปเลย ทั้งยังจะพยายามหลีกเลี่ยงการไปทำกิจกรรมกับคนกลุ่มนี้ให้ได้มากที่สุด เพราะอึดอัด และไม่อยากให้คนอื่นมองตัวเองว่าเป็นตัวถ่วง เป็นภาระนั่นเอง
โดยปกติ คนตาบอดจะพยายามช่วยเหลือตัวเองให้ได้มากที่สุดอยู่แล้ว แต่มันก็มีหลายๆ อย่างที่คนตาบอดไม่สามารถทำด้วยตัวเองได้ หรือทำด้วยตัวเองได้ แต่มันไม่สะดวกและอันตรายเกินไป ดังนั้นจึงต้องขอความช่วยเหลือ หรือเป็นฝ่ายรอรับบริการ เพราะสาเหตุดังกล่าว คนตาบอดจึงมักจะทำกิจกรรม หรือใช้ชีวิตกับคนที่ตัวเองคุ้นเคยมากกว่า เพราะอยู่กับคนที่เข้าใจกัน ดีกว่าไปกับคนอื่นแล้วอึดอัด ถ้าแบบนั้นยอมทำกิจกรรมคนเดียว ไปไหนมาไหนคนเดียวดีกว่า แม้จะมีข้อจำกัดบ้างก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ได้ความสบายใจ
ในส่วนของคนที่เพิ่งเริ่มเป็นเพื่อนกับคนตาบอด และต้องการช่วยเหลือคนตาบอดจริงๆ ก็ไม่ต้องคิดมาก เพราะคนตาบอดจะรู้สึกอึดอัดหรือทำตัวไม่ถูกแค่ในช่วงแรกๆ เท่านั้น แต่ถ้าเป็นเพื่อนกันไปนานๆ ได้รู้ได้เห็นการใช้ชีวิตของกันและกัน ผลัดกันช่วยเหลือกันในเรื่องต่างๆ ไปสักระยะ ความเป็นกันเอง ความไว้วางใจก็จะเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ
ผู้อ่านสามารถสนับสนุนเว็บไซต์ โดยการอุดหนุนนิยายบนเว็บไซต์ เขียนกันดอทคอม เว็บไซต์อ่านนิยายที่คนตาบอดเป็นเจ้าของ และอยากให้สังคมการอ่านเป็นของคนทุกกลุ่ม ไม่ว่าตาดีหรือตาบอด
แสดงความคิดเห็น